อินโฟกราฟิก: บางระกำโมเดล ผลกระทบและความท้าทาย
บทนำ: บางระกำโมเดลคืออะไร?
โครงการบางระกำโมเดลเริ่มขึ้นในปี 2560 เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ลุ่มน้ำยม โดยมีแนวคิดหลักคือการเลื่อนปฏิทินการเพาะปลูกข้าว และใช้พื้นที่เกษตรเป็น “ทุ่งหน่วงน้ำ” เพื่อบริหารจัดการปริมาณน้ำหลากจากตอนบนก่อนไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง โดยเฉพาะพื้นที่เมือง
ปัญหาก่อนมีบางระกำโมเดล
น้ำท่วมซ้ำซาก
ลำน้ำยมในพื้นที่บางระกำมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ความลาดชันน้อย ทำให้ระบายน้ำไม่ทัน น้ำท่วมขังเป็นประจำทุกปี
ภัยแล้งในฤดูแล้ง
ไม่มีอาคารกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทำให้น้ำในลำน้ำยมแห้งขอดเมื่อพ้นฤดูฝน
บางระกำโมเดล: แนวทางแก้ไข
เลื่อนปฏิทินเพาะปลูก
จาก พ.ค. เป็น เม.ย. เพื่อเก็บเกี่ยวข้าวอายุสั้น (90 วัน) ให้เสร็จก่อน 15 ส.ค. (น้ำหลาก)
ทุ่งหน่วงน้ำ
หลัง 15 ส.ค. พื้นที่ 250,000 ไร่ เป็นทุ่งรับน้ำ (400 ล้าน ลบ.ม.) กักเก็บถึง ต.ค. ระบาย พ.ย.
ความร่วมมือหลายภาคส่วน
MOU ร่วมกับ ภาครัฐ (48 หน่วยงาน) และภาคประชาชน
น้ำต้นทุนจากเขื่อนสิริกิติ์
จัดสรรน้ำจากแม่น้ำน่านผ่านเขื่อนสิริกิติ์
ไทม์ไลน์บางระกำโมเดล
พ.ศ. 2554
ริเริ่ม “บางระกำโมเดล 54” หลังอุทกภัยใหญ่ เน้นสร้างแก้มลิง 3 แห่ง
20 ก.ย. 2559
รมว.เกษตรฯ (พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ) มอบนโยบายแก้ไขปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำยม
พ.ศ. 2560
“บางระกำโมเดล 60” กลับมาดำเนินการ พื้นที่ 265,000 ไร่
พ.ศ. 2561
ขยายพื้นที่โครงการเป็น 382,000 ไร่ รองรับน้ำได้ 550 ล้าน ลบ.ม.
พ.ศ. 2562
ตั้งกรรมการ 48 หน่วยงาน (แต่ปีนั้นน้ำท่วมน้อย)
พ.ศ. 2563
ลดพื้นที่เป้าหมายกลับมาที่ 265,000 ไร่ เนื่องจากข้อจำกัดในการบริหารจัดการน้ำ
พ.ศ. 2568
ปัจจุบัน: ชาวบ้านยังคงเผชิญผลกระทบ ทั้งน้ำท่วมสูง หนี้สิน และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
ผลกระทบต่อประชาชน (ปัญหาหลังมีโมเดล)
สำหรับพื้นที่ในโครงการบางระกำโมเดล:
- ฤดูกาลเพาะปลูกไม่เหมาะสม: การเลื่อนปฏิทินทำให้ต้องทำนาในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น อากาศหนาว ทำให้ข้าวออกรวงไม่ดี ผลผลิตลดลง
- เก็บเกี่ยวเร่งด่วน: การหนีน้ำท่วมทำให้ต้องเก็บเกี่ยวข้าวที่ยังไม่แก่เต็มที่ ได้ผลผลิตคุณภาพต่ำ ราคาตกต่ำ ไม่คุ้มทุน
- ช่วงว่างงานยาวนาน: เกษตรกรเสียโอกาสทำมาหากินนานถึง 6-7 เดือน ทำให้ขาดรายได้และมีภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- รายได้เสริมประมงไม่เป็นจริง: แม้มีการปล่อยปลา แต่ปลาที่ได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพและไม่มีตลาดรองรับ
- น้ำท่วมสูงเกินเกณฑ์: ระดับน้ำท่วมสูงกว่าที่ตกลงไว้มาก (เช่น สูงถึง 42-43 ม.รทก. ในพื้นที่ต่ำสุดของโครงการ)
- บ้านเรือนเสียหาย: การแช่น้ำนานหลายเดือนทำให้บ้านเรือนผุกร่อน โครงสร้างไม่แข็งแรง บางหลังไม่สามารถพักอาศัยบนชั้นสองได้
- การเยียวยาไม่เพียงพอ: การช่วยเหลือส่วนใหญ่เป็นเพียงสิ่งของยังชีพ ไม่ครอบคลุมความเสียหายและผลกระทบระยะยาว
- ปัญหาหนี้สิน ธ.ก.ส.: มาตรการพักหนี้ 3 ปี แต่ดอกเบี้ยยังคงเดิน ทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มพูนขึ้นมาก
- ความเครียดและท้อแท้: ชาวบ้านเผชิญความเครียด ความท้อแท้ และความสิ้นหวังจากปัญหาที่สะสมมานาน
- วิถีชีวิตชาวนาหายไป: คนรุ่นใหม่ไม่ต้องการสืบทอดอาชีพเกษตรกร ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมอาจสูญหาย
สำหรับพื้นที่นอกโครงการบางระกำโมเดล:
- ขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูก: ชาวนาฝั่งขวาของแม่น้ำยมไม่ได้รับน้ำเพียงพอ เนื่องจากน้ำถูกผันเข้าโครงการฯ
- น้ำท่วมสูงเกินเกณฑ์: ระดับน้ำท่วมสูงกว่าที่ตกลงไว้มาก เนื่องจากน้ำที่ล้นจากโครงการฯ หรือการบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ
- การสัญจรลำบาก: ถนนหนทางเสียหาย การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบากในช่วงน้ำท่วม
- การเยียวยาไม่เพียงพอ: การช่วยเหลือส่วนใหญ่เป็นเพียงสิ่งของยังชีพ ไม่ครอบคลุมความเสียหายและผลกระทบระยะยาว
- ปัญหาหนี้สิน ธ.ก.ส.: มาตรการพักหนี้ 3 ปี แต่ดอกเบี้ยยังคงเดิน ทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มพูนขึ้นมาก
- ความเครียดและท้อแท้: ชาวบ้านเผชิญความเครียด ความท้อแท้ และความสิ้นหวังจากปัญหาที่สะสมมานาน
- วิถีชีวิตชาวนาหายไป: คนรุ่นใหม่ไม่ต้องการสืบทอดอาชีพเกษตรกร ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมอาจสูญหาย
สาเหตุหลัก (จากมุมมองประชาชน)
- การควบคุมระดับน้ำล้มเหลว: กรมชลประทานไม่สามารถควบคุมระดับน้ำในทุ่งหน่วงน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตกลงไว้ได้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องฝนตกหนักหรือน้ำจากพื้นที่อื่น
- บางระกำเป็นทุ่งรับน้ำ: ชาวบ้านเชื่อว่ามีการ “ดันน้ำ” จากแม่น้ำยมมาทิ้งไว้ในพื้นที่บางระกำ ทำให้พื้นที่กลายเป็นทุ่งรับน้ำซ้ำซาก
- ขาดการสื่อสารและความจริงใจ: ข้อมูลที่ได้รับจากกรมชลประทานไม่ตรงกับสถานการณ์จริง และปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
- ข้อมูลไม่ครบถ้วน: กรมชลประทานมักเน้นข้อมูลการบริหารจัดการน้ำจากแม่น้ำน่าน แต่ไม่ค่อยพูดถึงแม่น้ำยมตอนบน ซึ่งเป็นอีกแหล่งน้ำสำคัญที่ส่งผลกระทบ
ข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้องจากประชาชน
สำหรับพื้นที่ในโครงการบางระกำโมเดล:
- ควบคุมระดับน้ำอย่างเคร่งครัด: กรมชลประทานควรควบคุมระดับน้ำในทุ่งหน่วงน้ำให้คงที่ที่ระดับไม่เกิน 39 – 40 ม.รทก. เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- ฟื้นฟูระบบนิเวศและวิถีชีวิตเดิม: สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการค่าชดเชย ต้องการให้มีการฟื้นฟูระบบนิเวศการทำนาและวิถีชีวิตดั้งเดิมกลับคืนมา
- ชดเชยที่เป็นธรรม: สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ควรได้รับการชดเชยที่เหมาะสม (เสนอประมาณ 1,000 บาท/ไร่/เดือน ตลอดเวลาที่ได้รับผลกระทบ)
สำหรับพื้นที่นอกโครงการบางระกำโมเดล:
- ขยายพื้นที่ชลประทาน: ต้องการให้ขยายพื้นที่ชลประทานออกไปครอบคลุมพื้นที่ฝั่งขวาของแม่น้ำยม ซึ่งได้รับผลกระทบแต่ไม่ได้รับประโยชน์
ข้อเสนอแนะเชิงระบบ:
- กระจายอำนาจและงบประมาณให้ท้องถิ่น: เทศบาลและ อบต. ควรมีอำนาจและงบประมาณในการบริหารจัดการปัญหาในพื้นที่ได้มากขึ้น
- การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง: ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและบริหารจัดการโครงการอย่างแท้จริง
- เก็บข้อมูลที่เป็นระบบโดยชุมชน: ชุมชนควรมีการรวบรวมข้อมูลระดับน้ำ ความเสียหาย และผลกระทบอย่างเป็นระบบเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
- ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของงบประมาณ GCF: ประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการรับรู้และบริหารจัดการงบประมาณจากกองทุน GCF
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการหารือกับหน่วยงานระดับจังหวัด
เพื่อการหารือที่มีประสิทธิภาพกับหน่วยงานระดับจังหวัด ควรเน้นข้อมูลเชิงลึกและรายละเอียดที่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ดังนี้:
สำหรับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ. จังหวัด):
- ข้อมูลประเมินความเสียหายเชิงปริมาณ: จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสูงเกินเกณฑ์จริง (เช่น จำนวนหลังคาเรือนที่เสียหายหนัก, มูลค่าความเสียหายโดยประมาณ) รวมถึงความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน, สะพาน) พร้อมภาพถ่าย/รายงานประกอบ
- รายละเอียดการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้าน: ข้อมูลการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ผุกร่อนจากน้ำท่วมซ้ำซาก และงบประมาณที่ใช้ไปในแต่ละปี รวมถึงแผนการซ่อมแซมระยะยาว
- ประสิทธิภาพระบบเตือนภัย: ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ระบบเตือนภัยไม่สามารถแจ้งเตือนได้ทันท่วงที หรือข้อมูลไม่ถูกต้อง พร้อมข้อเสนอแนะในการปรับปรุง
- มาตรการช่วยเหลือด้านอาชีพ: รายละเอียดมาตรการช่วยเหลือด้านอาชีพอื่น ๆ นอกเหนือจากการประมงเสริม และผลลัพธ์ที่วัดได้
สำหรับสำนักงานเกษตรจังหวัด:
- สถิติผลผลิตข้าว: ข้อมูลเปรียบเทียบผลผลิตข้าวต่อไร่ในพื้นที่บางระกำโมเดล (ทั้งในและนอกโครงการ) ก่อนและหลังมีโครงการ รวมถึงคุณภาพและราคาผลผลิต
- การส่งเสริมพันธุ์ข้าวและเทคนิค: รายละเอียดการส่งเสริมพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเทคนิคการเพาะปลูกที่ช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วม/ภัยแล้ง
- แผนการเข้าถึงแหล่งน้ำ: แผนการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งน้ำสำหรับพื้นที่นอกเขตชลประทาน เช่น โครงการเจาะบ่อบาดาล หรือการผันน้ำจากแหล่งอื่น
สำหรับสำนักงานประมงจังหวัด:
- การประเมินรายได้จากการประมง: ข้อมูลเชิงปริมาณและมูลค่ารายได้ที่ชาวบ้านได้รับจากการประมงในช่วงน้ำท่วมทุ่งหน่วงน้ำอย่างแท้จริง
- การพัฒนาตลาดรองรับ: แผนการพัฒนาช่องทางการตลาดสำหรับสัตว์น้ำที่จับได้ในพื้นที่บางระกำโมเดล เพื่อให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืน
สำหรับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) / สำนักงานทรัพยากรน้ำจังหวัด:
- ข้อมูลระดับน้ำจริง: บันทึกข้อมูลระดับน้ำในทุ่งหน่วงน้ำบางระกำในแต่ละปี (โดยเฉพาะช่วงที่น้ำท่วมสูงเกินเกณฑ์) เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของกรมชลประทาน
- กลไกการประสานงาน: กลไกและขั้นตอนการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยมทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาการ “ดันน้ำ” หรือการควบคุมน้ำที่ไม่ได้ผล
- การฟื้นฟูระบบนิเวศ: แผนการฟื้นฟูระบบนิเวศลำน้ำและพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการแช่น้ำนาน เพื่อคืนวิถีชีวิตดั้งเดิมให้ชาวบ้าน
สำหรับจังหวัด (ในฐานะผู้รับผิดชอบการบูรณาการ):
- กลไกการบูรณาการ: รายละเอียดกลไกการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานระดับจังหวัดทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาบางระกำโมเดลอย่างเป็นองค์รวม
- ช่องทางรับฟังปัญหา: ช่องทางและกระบวนการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
- แผนพัฒนาจังหวัด: แผนพัฒนาจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำในระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่บางระกำและพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ
- การบริหารงบประมาณ GCF: แนวทางการบริหารจัดการงบประมาณจากกองทุน GCF ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้และตัดสินใจ